วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความรัก กับ ความอดทน

ความรัก กับ ความอดทน

"ความรัก" ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มนุษย์มีอยู่มากมายราวกับว่าจะไม่มีวันหมด

แต่สิ่งที่มนุษย์มีอยู่จำกัดจนดูเหมือนคับแคบเห็นแก่ตัว ก็คือ "ความอดทน"

ยิ่งรักมากก็ยิ่งต้อง "อดทน" กับปัญหาต่างๆ รอบข้าง เพื่อรักษาความรักนั้นไว้ให้ยั่งยืน



แต่ในทิศทางตรงกันข้าม

เมื่อใดที่สิ้นรักเมื่อนั้น "ความอดทน" ก็หามีไม่

สิ่งใดที่เคยทนได้ก็กลับแปรเปลี่ยนไป

สิ่งใดที่เคยเห็นดี เห็นชอบ กลับกลายเป็นขวางหูขวางตา

ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายหนึ่งกระทำต่อตนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

ท้ายที่สุดเราเป็นฝ่ายทอดทิ้งให้ความรักนั้นต้องจบลง



บางครั้งความรักนั้นอาจจบลงทั้งๆ ที่ความรู้สึกรักของเรายังมีอยู่เต็มหัวใจ

เพียงแต่การถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จนกระทั่ง "ความอดทน" บอกให้เราต้องไป...ไปทั้งที่ยัง "รัก"

เพราะหากรักแล้วต้องเจ็บ ต้องช้ำ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็น่าจะหมายถึง

"การจากไปในวันนี้เพื่อที่จะเข้มแข็งและลุกขึ้นได้ใหม่ในวันข้างหน้า"

อย่างนั้นมิใช่หรือ



"หากรักแล้วต้องร้องไห้ไปตลอดชีวิต

ตนขอเลือกที่จะร้องไห้สองสามวันแล้วยิ้มไปตลอดชีวิตที่ดีกว่า"



สุดท้ายก็ขั้นอยู่กับตัวเองแล้วล่ะนะ

ว่าจะร้องไห้ไปตลอดชีวิต หรือร้องไห้แค่วันนี้แล้วยิ้มไปตลอดชีวิต

ชีวิตเรา ๆ สามารถเลือกเองได้จริงมั้ย?



"คนร่วมทาง"

คนเราคบหาร่วมทางกัน มีค่าตรงที่รู้จักกัน

คนเรารู้จักคุ้นเคยกัน มีค่าตรงที่รู้ใจกัน

คนเรารู้ใจกันแล้วจากกัน มีค่าตรงที่อยู่ในความทรงจำที่ดีของกัน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าจะรักอย่างไรก็อย่าให้ตาบอดเสียล่ะ

เมื่อวันหนึ่งความอดทนบอกเราว่าถึงเวลาแล้ว

ก็ควรจะรับฟังไว้บ้างแล้วกัน เราเป็นผู้กำหนดชีวิตของเรา

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความเป็นกลางของหัวใจ

ความเป็นกลางของหัวใจ

ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

เราใส่นาฬิกามือซ้าย

ที่ใส่มือซ้ายเพราะถนัดขวา

ยกมือซ้ายขึ้นมาดูเวลาได้ง่าย

แต่ถึงมีนาฬิกาเราก็ชอบไปสายอยู่ดี

นาฬิกาก็แค่บอกเวลา... ไม่ได้ทำให้เราไปเร็วขึ้น

คิดดูแล้ว... หัวใจก็อยู่ทางซ้ายเหมือนกัน

บางทีเราก็คิดนะ... ว่าอวัยวะในร่างกายที่มี 2 ชิ้น

จะอยู่ซ้ายและขวา

อย่างแขน, ขา, ลูกกะตาทำนองนั้ น...

แล้วที่มีชิ้นเดียว... ก็แสดงความโดดของมัน

อย่างจมูก, สะดือก็อยู่ตรงกลาง... ประมาณนั้น



แล้วทำไม... หัวใจถึงเอียงซ้ายล่ะ?

บางทีเราก็คิดว่า... ที่เป็นงั้นก็เพราะ

ใครบางคนอยากเตือนให้เรารู้ว่า ...

หัวใจเราไม่หนักแน่นพอจะอยู่ตรงกลาง

แล้วก็ไม่มีมากพอจะแบ่งเป็นสองด้วยเหมือนกัน

วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความผูกและความเคยชิน ต่างกันมั้ย ?

ความผูกและความเคยชิน ต่างกันมั้ย ?
เมื่อราวสองปีก่อนที่นาฬิกาเรือนโปรดของฉันพัง



ด้วยความไม่มีสติเอาข้อมือไปทุบผนังห้องน้ำเล่นๆ

โชคร้ายที่มือไม่เป็นอะไร นาฬิกาต่างหากที่พินาศ – กระจกร้าว

ฉันถอดมันออกวางไว้ไม่ยอมเอาไปซ่อม

ด้วยว่ารู้สึกถึงภาพเก่าและวันเวลาที่เก็บอยู่ในนั้น

ฉันคิดโง่ๆ ว่าภาพเหล่านั้นจะตายไปพร้อมนาฬิกา

ฉันเลิกผูกนาฬิกา



และพบว่าตัวเองมีอาการยกข้อมือเก้อ-เก้ออยู่เป็นเวลานานพอดู



ความเคยชินเกิดขึ้น

เมื่อเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นประจำในระยะเวลานานพอควร

และยังคงความเคยชินอยู่

เมื่อสิ่งหนึ่งสิ่งนั้นหายไปในระยะแรกๆ

จนเวลาผ่านไปนาน



ฉันจึงเริ่มชินกับการแอบมองเข็มนาฬิกาบนข้อมือคนอื่น



เวลาผ่านไป พร้อมกับบาดแผลที่เริ่มเลือนหาย



ฉันตัดสินใจซ่อมนาฬิกา

นาฬิกาเรือนโปรดเรือนนั้นก็กลับมาอยู่บนข้อมือฉันได้เกือบอาทิตย์กว่าแล้ว

เมื่อมันกลับมาวันแรกๆ ฉันรู้สึกไม่คุ้น



จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่คุ้น



ฉันยังแอบมองนาฬิกาบนข้อมือคนอื่นอยู่เหมือนเดิม

ฉันรู้สึกเขินแกมขำทุกครั้งที่แอบมองข้อมือคนอื่น

ทั้งๆ ที่มีนาฬิกาอยู่บนข้อมือของตัวเอง



ฉันนึกถึงใครบางคนที่มักจะปรากฏตัวพร้อมรอยยิ้มเสมอๆ



ในบางช่วงที่เขาหายหน้าหายเสียงไป

ฉันรู้สึกขาดๆ แต่ก็เพียงชั่วเวลาสั้นๆ

ในบางครั้งฉันพอใจที่มีเขาอยู่ใกล้ๆ ในวันที่ไม่แข็งแรง



แต่ในบางครั้งฉันกลับรู้สึกพอใจ



กับการได้เดินคนเดียว-เดี่ยว-เดี่ยวในวันว่าง

หรือเป็นความผูกพัน หรือเป็นเพียงความเคยชิน



หัวใจฉันยังตอบคำถามได้ไม่กระจ่างชัดนัก

“คนเราจะรู้ค่าก็ต่อเมื่อเราสูญเสียสิ่งนั้นไป”



ฉันมักได้ยินใครๆพูด

แต่ฉันกลับคิดว่าหากฉันยังมองไม่เห็น

ฉันน่าจะยอมเสียไปดีกว่าเพื่อให้ซึ้งถึงคุณค่านั้น



ฉันไม่อยากเอาเปรียบเขา



หากจะรั้งเขาไว้ด้วยความคุ้นเคยที่ไม่ใช่ความผูกพัน

ฉันไม่อยากโกหกตัวเอง

หากจะรั้งเขาไว้ด้วยความไม่แน่ชัด

ฉันมีคำถามที่ยังขบไม่แตกกับคำว่า



ผูกพัน หรือว่าจะเป็นแค่คุ้นเคย



บางทีมันอาจจะเป็นการดี

หากฉันจะอยู่ห่างหรือตัดขาด

เพื่อให้รู้จักหัวใจของตัวเองมากขึ้น



กับใครบางคนที่ขาดหายไปจากชีวิต



อาจเป็นเหมือนนาฬิกาที่ขาดสาย

อาจรู้สึกแปลบๆ และมองหากับการหายไปในช่วงแรก

แต่ไม่นาน….คงจะชิน

วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความรัก...คือ...เหตุผลหรือความรู้สึก

ความรัก...คือ...เหตุผลหรือความรู้สึก



ความรักคือ...เหตุผล



ผู้ชายส่วนมากมักจะบอกว่า...ความรักคือเหตุผล



“ถ้าถามว่าทำไมผมถึงรักเธอ คงเป็นเพราะเธอน่ารักมากในสายตาผม

เธอเป็นคนดี เพียบพร้อมไปทุกอย่าง เหมาะที่จะมาเป็นแม่ของลูกผม”

การที่ผู้ชายจะรักผู้หญิงซักคนนึง มักจะมีเหตุผลนานาประการ

ที่มาบอกว่าเขารักเธอเพราะอะไร เพราะเธอเป็นคนดี เพราะเธอน่ารัก

เพราะเธอเข้ากับเขาได้ เพราะ...ฯลฯ นี่แหละเหตุผล



ความรักคือ...ความรู้สึก



ผู้หญิงส่วนมากมักจะบอกว่า...ความรักคือความรู้สึก



“อย่าถามเหตุผลว่าทำไมฉันถึงรักเธอ ฉันไม่สามารถบอกถึงเหตุผลได้

เพราะมันไม่มีเหตุผล ฉันรักเธอด้วยความรู้สึกว่ารัก

รักเธอด้วยความรู้สึก...ถ้าไม่ใช่เธอ..ฉันคงไม่มีความรู้สึกนี้”

การที่ผู้หญิงจะรักผู้ชายซักคนหนึ่ง มักไม่ค่อยมีเหตุผลให้คุณหรอกนะ

เธออาจจะอ้ำอึ้งเมื่อคุณถาม ไม่ใช่เพราะเธอไม่รัก

แต่มันหาเหตุผลมาบรรยายไม่ได้ต่างหาก

มันคือความรู้สึกที่อยู่ในใจ มันเป็นเรื่องของความรู้สึก นี่แหละความรู้สึก....



แล้วคุณล่ะ...ความรักของคุณ...คืออะไร???

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

“ความรัก” ที่ท่านเรียก .. ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้

“ความรัก” ที่ท่านเรียก .. ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้


ข้อมูลจาก Forward Mail

ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

กริ๊ง . .งงงงง

“ท่านค่ะ มีคนจะขอเรียนสายค่ะ”

“ใครครับ”

“เขาบอกว่าชื่อ "ความรัก"ค่ะ”

“บอกว่าผมงานยุ่งครับ”

“ค่ะ.....”

เวลาผ่านไป

“ท่านค่ะ "ความรัก" ขอสายท่านค่ะ”

“อือ....บอกว่าผมไม่สะดวกครับ”

“ค่ะ...”

ผ่านไป. . อีก

“ท่านค่ะ คุณ..”

“ความรักอีกแล้วใช่ไหมครับ บอกว่าผมงานยุ่ง ไว้ผมจะ...”

“ไม่ใช่ค่ะ! มีคนจะคุยเรื่องงานค่ะ”



ในวันที่หัวสมองและหัวใจว่าง ว่าง ว่าง...

you have 1 message in your mailbox

please call.. Good bye ค่ะ

sender : ความรัก

“ช่วยต่อสายความรักให้ผมหน่อย”

“ค่ะ..”

ความรักที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้

กรุณาฝากข้อความหรือหมายเลขโทรกลับ

“ติดต่อไม่ได้ จะให้ฝากข้อความไหมค่ะ”

“.....ไม่ต้องครับ”

เหงา... เวลาผ่านไป

ความรักที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้

กรุณาฝากข้อความหรือหมายเลขโทรกลับ

“ความรักครับ คือผม...เห็นคุณหายเงียบไป ไม่รู้ว่าสบายดีไหม

ช่วงก่อนหน้านี้ผมงานยุ่งตลอด ไม่มีเวลาว่าง

ต้องขอโทษด้วย ไม่รู้ว่าจะสายเกินไปไหมถ้าจะบอกว่า

ผม...พร้อมจะมีความรักแล้ว

ถ้าได้รับข้อความนี้ช่วยติดต่อกลับด้วยนะครับ”

รอ.. รอ.. รอคอยความรักจนวันนึง..

“ท่านค่ะ เอ่อ..ความรักโทรมา ให้ปฎิเสธไปเลยไหมคะ?”

“รีบโอนสายมาเลยครับ!”

“สวัสดีครับ คุณหายไปไหนมา ขอโทษด้วยครับ

ที่ผมไม่มีเวลาใส่ใจ ไม่เคยสนใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมา

ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิต

ผมขอโทษ ผม ผม ผม..”

“ฉันไม่ได้โกรธอะไรหรอกค่ะ ไม่ว่าจะอย่างไร

ความรักอย่างฉันก็มีหน้าที่ให้ความรักเสมอ

เมื่อใดก็ตามที่คุณเปิดใจต้อนรับ

เมื่อนั้นคุณก็จะได้เป็นเจ้าของความรัก

แต่ที่ผ่านมาที่ไม่ได้ติดต่อก็เพียงเพราะว่า...

ฉันไม่ได้จ่ายค่าโทรศัพท์ค่ะ!”

* เงินมีคุณค่าเสมอแม้กับความรัก . . แต่อย่าให้ถึงขนาดว่าความรักถูกชื้อได้ด้วยเงินนะจ๊ะ

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

“ความรัก” ไม่มีถูก-ผิด?

“ความรัก” ไม่มีถูก-ผิด?

คุณไม่ผิดที่ไปรักเขาคนนั้น

และเขาเองก็คงไม่ผิดที่ไม่ได้รักคุณ

ในทางตรงข้าม คุณไม่ผิดที่ไม่ได้รักเขาคนนั้น

และเขาก็ไม่ผิดที่มารักคุณเช่นกัน

การห้ามใจไม่ให้รักนั้นยากนัก

แต่คงเทียบไม่ได้กับการห้ามใจให้ลืมรักเพราะย่อมยากกว่า

คุณอาจทำได้เมื่อมีใครอีกคนก้าวเข้ามาในชีวิตคุณ

แต่มันคงไม่ง่าย ถ้าคุณต้องหักใจให้ลืมในขณะที่คุณอยู่คนเดียว

เขาว่าการชนะใจตัวเองนั้นอาจดีและมีค่าที่สุด

แต่ในเรื่องความรัก การชนะใจคนที่เรารักนั้นอาจย่อมมีค่ากว่า

แต่มันอาจมีค่ากว่านั้น . . .

ถ้าคุณสามารถชนะใจตัวเองที่จะปฏิเสธกับความรักที่ย้อนมาหาคุณ

และมันอาจมีค่าที่สุด ถ้าคุณยอมที่จะ "แพ้" ใจตัวเองเพื่อจะกลับไปหาความรักนั้น

ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน

แต่อย่าลืมว่าบนโลกไม่ได้มีคนสองคนเท่านั้น

อย่าโกรธเขาที่ต้องปฏิเสธรักจากคุณ

ด้วยเหตุผลว่าเราเข้ากันไม่ได้

ด้วยเหุผลว่าสังคมเราต่างกัน

ด้วยเหตุผลว่าเขารักคนอื่นที่มีค่าพอกับคุณ

วิทยาศาสตร์อาจต้องการเหตุผล

แต่เรื่องความรักย่อมไม่ต้องการเหตุผลใดใด

คนดีอาจรักกับคนเลว

จงอย่าโทษเขาว่าเขารักคนผิด

จงอย่าโทษเขาว่าเขารักคนที่ไม่เอาไหน

และจงอย่าโทษตัวเองว่าเรารักคนที่ไม่ดี

จงเชื่อในสายตาของตัวเอง

จงเชื่อประตูหัวใจอันมีค่าที่เลือกจะเปิดรับเขาคนนั้น

แม้ใครจะพูดว่าคู่ของเราเป็นคนไม่ดี

แต่ในแง่ของความรัก คุณทั้งสองเป็นคนดีของกันและกัน

เหตุผลทั้งหมดเพราะความรักแต่ละคนย่อมต่างกัน

ไม่แปลกที่บางคู่อาจทะเลาะกันทั้งวัน

ไม่แปลกที่บางคู่อาจหวานให้แก่กันได้ทั้งวัน

และไม่แปลกที่บางคู่ต่างเฉยชาต่อกัน

และก็คงไม่แปลกเลยที่บางคู่อาจต่างกันราวฟ้ากับดิน

อย่าไปคิดว่าทำไมคู่เราถึงไม่เหมือนคู่ของใครเขา

อย่าไปคิดว่าคู่เราแปลกหรือเปล่า

อย่าไปสนใจว่าเราควรเปลี่ยนแปลงอะไรไหม

ถ้าจะเปลี่ยน ขอให้เพื่อรักมิใช่เพื่อเลิกรักนะจ๊ะ

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความรักกับความใส่ใจ

ความรักกับความใส่ใจ

ความใส่ใจไม่ใช่ความมีน้ำใจอย่างเดียว หากแต่มีความถนอมน้ำใจด้วย หากคนรักของคุณทำอะไรสักอย่างเพื่อคุณด้วยความตั้งใจ แต่คุณกลับไม่ชอบมัน คิดให้ดีก่อนที่จะพูดออกไป ใส่ใจในความรู้สึกของเค้าด้วย หากคุณทะเลาะกับคนรัก แต่แล้ววันรุ่งขึ้น...คนรักของคุณยังโทรมา แสดงความเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องต่างๆเหมือนทุกๆวัน ..ทั้งๆที่ยังไม่หายโกรธนั่นแหละเรียกว่า..ความใส่ใจ หากคนรักของคุณยอมสละเวลา..ทำบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ทีหลัง..เพียงเพื่อช่วยทำในสิ่งที่คุณขอนั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจ ความเกรงใจเป็นสิ่งที่ดี..และเป็นบ่อเกิดความสัมพันธ์อันยั่งยืน คุณเห็นไหมหละว่า...ไม่ยากเลยที่จะแสดง ความใส่ใจ ต่อใครสักคน เพียงแต่วันนี้ คุณใส่ใจคนที่คุณรักแล้วหรือยัง.....

วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความรักกับความผูกพัน

ความรักกับความผูกพัน
มีหลายคนที่สับสนกับคำสองคำนี้

ความรัก กับ ความผูกพัน มันคืออะไรนะ ต่างกันอย่างไร

ความรัก กับ ความผูกพัน เหมือนกันมั้ยนะ

ถ้าไม่มีความผูกพันก็เกิดความรักได้นี่นา

แต่ถ้าเกิดความรักแล้วไม่มีความผูกพันล่ะ จะเป็นไปได้รึเปล่านะ



สำหรับเรา ความรักกับความผูกพันไม่เหมือนกัน มันแตกต่างกัน

ความรักเกิดขึ้นได้เสมอ ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน กับใครก็ตาม

บางครั้งเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว และไม่สามารถตอบได้

ความรักคือการให้ การทุ่มเท การให้ความรู้สึกดีๆ

ให้สิ่งที่เกินพอสำหรับใครซักคนที่เรารัก

การทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้คนที่เรารักมีความสุข

จนเหมือนกับว่าคนๆ นั้นเป็นคนที่พิเศษกว่าคนอื่น (ซึ่งจริงๆ แล้วก็ใช่)

ความรักจึงเป็นการทำเพื่อคนๆ หนึ่ง ซึ่งไม่ว่าเมื่อไหร่ เวลาไหน

สำหรับคนที่เรารัก ความคิดถึง ความเป็นห่วงจะเกิดขึ้นตลอดเวลา

เราจะห่วงว่าเขาไปที่ไหน ไปกับใคร ความรัก เกิดขึ้นได้แม้เพียงพบกันแค่นาที

แค่เห็นหน้าเพียงครั้งแรก ครั้งเดียว ความรักไม่จำเป็นต้องใช้เวลา

แต่การจะทำให้ความรักคงอยู่ หรือเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ นั่นต่างหาก

เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา และนำความผูกพันใส่ลงไป

เพราะความผูกพันเป็นสิ่งที่ทำให้คนสองคนได้รู้จักกันมากขึ้น

เป็นช่วงเวลาที่ทำให้คนสองคนปรับตัวเข้าหากัน ความรักจะคงอยู่ได้

หากความผูกพันเกิดขึ้น



ความผูกพันนั้นต่างกับความรัก

เพราะการผูกพันกับใครซักคน ไม่จำเป็นที่เราจะต้องรัก

สำหรับความผูกพัน มันคือความรู้สึกคิดถึง

ช่วงเวลาหนึ่งที่เคยเกิดขึ้น การที่เราคิดถึงคนๆ หนึ่งเวลาที่เราจากกัน

เวลาที่ไม่ได้พบ ไม่ได้พูดคุย นั่นไม่ใช่ความรัก เราไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อเค้า

เราไม่ได้ต้องการให้สิ่งใดกับเค้า ไม่ได้ห่วงว่าเขาจะไปกับใคร เมื่อไหร่ หรือที่ไหน

แต่เราเพียงแค่คิดถึง ความทรงจำที่ดี เวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน

ดังนั้น ความผูกพันจึงเป็นเพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากการใช้เวลา

มันเป็นความทรงจำ เป็นความรู้สึก และไม่ใช่ความรัก

เพราะเกิดได้กับทุกคน กับเพื่อน พี่ น้อง

หรืออาจเป็นใครก็ตามที่ครั้งหนึ่ง เคยใช้เวลาอยู่ร่วมกัน

มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความคิดถึง

และเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เกิดความรักนั่นเอง

ทั้งความรักและความผูกพัน เป็นสิ่งที่ควรมีอยู่ร่วมกัน

ถึงแม้ว่ามันจะแตกต่างกันก็ตาม สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่า

เราจะแยกมันออกจากกันได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง ว่าอันไหนคือความรัก

อันไหนคือความผูกพัน เพราะจริงๆ แล้วมันแทบจะไม่ต่างกันเลย

เพราะทั้ง 2 สิ่งควรจะมีอยู่คู่กัน



ปัญหาของความรักกับความผูกพันอยู่ตรงที่

บางคนไม่สามารถแยกได้ว่า ความรัก กับความผูกพันต่างกันตรงไหน

ความสับสน ความลังเล จะเกิดขึ้น ถ้าหากวันนึง คุณรักใครซักคน

และมีความผูกพันกับใครอีกคน คุณจะตอบตัวเองได้หรือเปล่าว่า

คุณจะเลือกใคร หากคุณคิดว่า คนที่คุณผูกพันคือคนที่คุณไม่สามารถลืมเค้าได้

และคนที่คุณรัก คุณก็ไม่สามารถเลิกรักเค้าได้เช่นกัน จำไว้ว่า…

จงเลือกคนที่หัวใจของคุณต้องการ อย่าใช้คำว่าถูกหรือผิด

เพราะมันใช้กับความรักไม่ได้

แต่จงใช้หัวใจของคุณเอง หากคุณต้องการค้นหาใครซักคนที่จะอยู่เคียงข้างคุณไปตลอดชีวิต

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความรักคือะไร

ความรักคือะไร

การที่เรา . . . จะคบหา หรือรู้จักใครสักคน

ไม่ว่า . . . จะในฐานะอะไรก็ตาม

สิ่งหนึ่ง ที่ควรท่องควรจำไว้อยู่เสมอ

ก็คือ . . . “คน” เป็นสิ่งมีชีวิต

ไม่ใช่สิ่งของหรือหุ่นยนต์ที่เราอยากให้เป็น



หากว่าคุณ "รักใครสักคน" . . .

อย่า! ตั้งใจกับคน 1 คนมากเกินไป

เพราะ . . . ไม่มีใครอยากเป็นต้นเหตุของความล้มเหลว

อย่า! คาดหวังกับ คน 1 คนมากเกินไป

เพราะ . . . ไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่าง ที่ทุกคนอยากให้เป็น



อย่า! ให้เวลากับคน 1คนมากเกินไป

เพราะ . . . ไม่ว่าใคร ก็อยากมีช่วงเวลาของความเป็นส่วนตัว . . . คนเดียว

อย่า! พยายามเปลี่ยนแปลงคน 1 คนมากเกินไป

เพราะ . . . นั่นจะทำให้เขา ไม่หลงเหลือความเป็นตัวของตัวเอง



อย่า! ควบคุมชีวิตคน 1 คนมากเกินไป

เพราะ . . . มนุษย์มักจะหาวิธีการแทรกตัวเพื่อออกมาจากกฎที่ถูกกำหนด

อย่า! บีบบังคับคน 1คนมากไปกว่านี้

เพราะถ้าคนๆ นั้นหลุดจากภาวะบีบบังคับมาได้

คุณจะกลายเป็นคนที่ถูกหันหลังให้ในทันที

เธอ . . . ลองมองดูฉันดีๆ

ฉันมีลมหายใจ . . . ไม่ใช่ภาพวาด ที่จะสวยงามอยู่ตลอดเวลา

และฉันเองก็ เป็น “คน” เป็น สิ่งมีชีวิตที่มี 2 ด้านเช่นกัน



อยากให้คุณเห็นฉัน เป็นคนรัก . . .

ที่คุณพร้อมจะ “รัก” ในตัวฉันมากกว่า

ที่จะต้องการให้ฉันเปลี่ยนแปลง



หากคุณ อยากรู้จักใครสักคน ต้องหัดเรียนรู้เขา

ไม่ใช่จะไปเปลี่ยนแปลงเขา . . .

อยากให้เขาเหมือนที่เราอยากให้เป็น

. . . เว้นแต่เขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
จงทำให้เขาอยากเปลี่ยนแปลง . . .

ไม่ใช่อยากให้เขาเปลี่ยนแปลงเพื่อตัวเอง

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความรักกับหนังสือ

ความรักกับหนังสือ
บทความของคนมีความรัก
...อย่าตัดสินหนังสือว่าดี แค่ปกสวยๆ

...อย่าบอกว่า….น่ารักเหลือเกิน แค่คุยกันหนเดียว

คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย…ใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มแรกที่ชอบไม่ได้

คนที่บอกว่าจะไม่แต่งงาน…มักแซงหน้าแจกการ์ดก่อนคนอื่นเสมอ

...อย่าตกใจเมื่ออ่านหนังสือระดับ Best Seller แล้วไม่ชอบ

...ถ้ารักคนคนเดียวกับที่คนอื่นรัก...คงแย่งกันน่าดู



***การชอบหนังสือสักเล่มไม่ได้หมายความว่า..หนังสือเล่มนั้น..เนื้อหาดีทุกหน้า

การรู้สึกดีกับใครสักคน..ไม่จำเป็นว่า..เขาต้องไม่มีข้อเสียอะไรเลย***

...อย่าเสียดายเวลา ถ้าอ่านหนังสือบางเล่มจบแล้วพบว่า..ไม่ใช่แบบที่ชอบ



จงรู้สึกดีกับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็มที่...

เพราะอย่างน้อยที่ผ่านมา… ย่อมต้องมีช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างแน่นอน

...แม้วันหนึ่งจะรู้ว่า… เขาหรือเธอคนนั้นไม่ใช่เลยสักนิด

เพราะอย่างน้อย...เราก็ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นและพร้อมที่จะตามหาคนของเราต่อไป



…การอ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้เวลา

...เราไม่สามารถรู้จักใครสักคนได้ดีตั้งแต่วันแรก

...หนังสือมีสิ่งต่างๆ หลากหลายให้ศึกษา

ทดลองอ่านดู…ก่อนที่จะตัดสินว่าน่าเบื่อ



... บางครั้ง…สิ่งที่เราไม่เห็นประโยชน์และมองผ่านมันไป….

วันหนึ่งมันอาจจะมีค่าสำหรับเรา…แล้วในตอนจบ

…ก็จะรู้ว่าหนังสือประเภทไหนเหมาะกับเราที่สุด

…เหมือนกับความรัก…

...ทุกครั้งที่เรามีความรักกับใครสักคนนั้น แม้ทุกอย่างจะเดินมาถึงจุดจบ

…แต่คนทั้งคู่ย่อมได้รับอะไรจากสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมาโดยไม่รู้ตัว

อย่างน้อยที่สุด…ก็ได้บทเรียนที่มีค่าเพิ่มอีกบทหนึ่งบทเรียน

ที่จะนำไปสร้างความรักครั้งใหม่ให้มีรากฐานที่ดีกว่าที่ผ่านมา



… สำหรับฉัน "ความรัก" เปรียบเหมือน..

... การได้อ่านหนังสือหลายๆ เล่ม (อ่านทีละเล่มนะจ๊ะ)

แต่ละเล่มที่ผ่านไปสอนให้ฉันเข้มแข็ง…

สอนให้ฉันรู้จักโลกที่เป็นจริง…

และสอนให้ฉันรู้จักใจของตัวเอง

… แม้ว่าตอนจบของแต่ละเล่มจะไม่สมใจ

แต่ฉันก็ไม่คิดจะหยุด ท้อ หรือกลัวที่จะค้นหา

ฉันจะอ่านต่อไป… จนกว่าจะเจอ "หนังสือของฉัน" ^-^



คุณล่ะ…เจอรึยัง?

ถ้าเจอแล้ว…อย่าลังเลที่จะหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน

อย่ากลัวที่จะเสียเวลาและผิดหวัง

ไม่แน่นะ…เล่มที่อยู่ในมือตอนนี้น่ะ

อาจจะตรงกับความรู้สึกของคุณที่สุดก็ได้

วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความรักกับรถเมล์

ความรักกับรถเมล์

บางป้าย...ก็ก็เงียบเหงาพิกลยังไงไม่รู้

บางป้าย...ก็จอแจด้วยผู้คน

บางคน...รอจนชั่วชีวิตก็ยังไม่มา

บางคน...รอแป๊บเดียวก็ได้ขึ้น

บางคน...ขึ้นแล้วถึงรู้ว่าขึ้นผิดคัน

บางคน...ขึ้นครั้งแรกก็ขึ้นถูก

บางคน...ขึ้นๆลงๆหลายรอบกว่าก็จะขึ้นถูกคัน

บางคน...นั่งไปถึงป้ายสุดท้ายถึงจะรู้ว่าขึ้นผิดคัน

เคยถามใจตัวเองรึเปล่า ทำไมคนที่รักกัน ถึงต้องทำร้ายกันด้วย

ถ้าลองสังเกตกันดีๆ คุณผู้อ่านจะเห็นว่า ไม่มีคู่รักคู่ไหนในโลกหรอก

ที่ไม่เคยผ่านช่วงหายนะ ทะเลาะเบาะแว้งกัน

หรือกระทั่งทำร้ายจิตใจซึ่งกันและกัน แม้บางทีที่ทำไปน่ะ

ไม่ได้ตั้งใจเลยก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า

คนที่รักกันนี่แหละมีโอกาสทำร้าย ไม่ว่าจะเป็นจิตใจหรือร่างกายกัน

ได้ง่ายกว่าคู่ที่เป็นเพื่อนหรือคนรู้จักซะอีก ถามว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?

ไม่ยากนะถ้าจะตอบว่าก็ คนรักกันน่ะ ใกล้ชิดกันมากเกินไป

จนบางทีเราก็นึกไปเองว่า คนที่เรารักคงจะคิดอะไรคล้ายๆ กับเรา

ทั้งที่ไม่ใช่เลย ไม่มีอะไรในโลกจะมาพิสูจน์ได้หรอกว่า

คนที่รักกันสองคนจะคิดเหมือนกัน ทำอะไรเหมือนกัน

มีความสุขหรือแม้แต่ทุกข์เท่ากัน





ซึ่งเหตุผลนี้เองที่อาจจะทำให้คุณมองข้ามความรู้สึกของคนรักของคุณไป

เพราะฉะนั้น ถ้าเขาตวาดแว้ดใส่คุณ หรือทำอะไรขัดอกขัดใจขึ้นมาเมื่อไหร่ละก้อ

ขอให้ท่องนะโมไว้ว่า

เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำอย่างนั้นกับคุณจริงๆ

เลยให้ตายเถอะ แต่ที่พลาดไปก็เพราะลืมตัวชั่วคราว เสียสติชั่วขณะ

ลืมว่า ถ้าเราทำอย่างนี้ออกมา แล้วอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร

มันก็เหมือนคนอยู่กันจนชิน ก็เลยเผยธาตุแท้ออกมานั่นแหละ

มองในแง่ดีซิ นี่แหละคือตัวจริงที่เราจะอยู่ด้วย

อย่างน้อยเค้าก็หมุนให้คุณดู 360 องศาแหละน่า

เพราะฉะนั้น จำไว้ว่า

1. อย่าโกรธ ถ้าเขาเผลอปากร้ายกับคุณ

2. อย่าเคือง ถ้าเขาปฏิเสธว่า ไปรับคุณที่ที่ทำงานไม่ได้

3. อย่าร้องไห้

ถ้าเขาปันใจออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง เพราะสุดท้าย

หากเขารักเราจริง เขาต้องกลับมาตายรังอยู่ดี

แต่... ถ้าเขาหมดรักเมื่อไหร่ ต่อให้เอาพญาช้างมาฉุดให้อยู่

เขาก็จะไปจนได้ เชื่อไหมล่ะ.

ถึงตอนนี้ก็อยากจะบอกว่าคนรักกันอยู่ใกล้ชิดกัน แน่นอนย่อมเป็นสิ่งที่ดี

แต่พึงระวังไว้ว่าการอยู้ใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่ควรมองข้ามความรู้สึกกันมากเท่านั้น

ชีวิตเราก็เท่านี้แหละนะครับ มีคนรักใกล้ตัวกันขนาดนี้ ก็อย่าได้ทำร้ายกันเองเลย